GoUni – เรียนต่อต่างประเทศ

เปิดตำราเรียนต่อนอก! อยากเรียนต่อต่างประเทศ ต้องเริ่มยังไงดี อ่านได้ที่นี่เลย

เมื่อน้องๆ อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ให้รอบด้าน เพื่อใช้เปรียบเทียบและเสาะหาโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย รวมถึงคอร์สเรียนที่ตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด 

แต่ในแต่ละประเทศก็มีสถาบันต่างๆ ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันอยู่มากมาย แล้วแบบนี้ที่ไหนถึงเป็นที่ที่เหมาะกับเราที่สุด? แล้วจะหาข้อมูลทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวได้ยังไง?

GoUni คือผู้ช่วยสำคัญในขั้นตอนนี้ ซึ่งหน้าที่ของพวกเราในฐานะเอเจนซี่เรียนต่อต่างประเทศคือ

  • สอบถามความต้องการของน้องๆ เป็นหลัก เช่น อยากไปเรียนมัธยม โรงเรียนภาษาหรือระดับปริญญาตรี/โท 
  • สอบถามความต้องการในส่วนของคอร์สเรียน และจุดประสงค์ในการเรียน เพื่อแนะนำคอร์สเรียนที่ตรงกับความต้องการของน้องๆ
  • ส่งข้อมูลและแนะนำคอร์สเรียนและสถาบันที่หลากหลายเพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้เรียน 
  • สมัครเรียนกับสถาบันและคอร์สให้ตามที่ผู้เรียนสนใจ
  • ดูแลน้องๆ ก่อนบินไปเรียนด้วยงาน Pre-Departure ให้คำแนะนำและการเตรียมตัวก่อนบินไปเรียน
  • อำนวยความสะดวกตั้งแต่ขั้นตอนการยื่นวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ประกันการเดินทาง
  • ทุกขั้นตอน ฟรี ฟรี ฟรี!

การเข้ามาพูดคุยกับที่ปรึกษา GoUni เพื่อพูดคุยถึงความต้องการของเราก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นการเรียนภาษาอังฤษหรือภาษาที่สาม การเรียนโรงเรียนมัธยม และการเรียนต่อระดับปริญญา ทางที่ปรึกษา GoUni จะช่วยประเมิน วิเคราะห์ และค้นหาคอร์สเรียนและสถาบันที่ตรงกับความต้องการของผู้เรียน นอกจากนี้ยังมีการแนะนำการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียนและมหาวิทยาลัย รวมไปถึงแนะนำวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองนั้นๆ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเห็นภาพให้ได้มากที่สุดและตัดสินใจเลือกสถาบันและเมืองที่เข้ากับตัวผู้เรียนให้ได้มากที่สุด

หรือหากน้องๆ คนไหนที่อยากพูดคุยกับทางตัวแทนสถาบันการศึกษาแบบตัวต่อตัว ทางที่ปรึกษาจะแนะนำให้น้องๆ มางานอีเวนท์ของ GoUni ที่จะมีการจัดตลอดทั้งปีทั้งในรูปแบบของการพูดคุยที่ออฟฟิศ GoUni เอง หรือการจัดงานแฟร์การศึกษาต่อต่างประเทศ การที่น้องๆ ได้มีโอกาสพูดคุยกับตัวแทนสถาบันการศึกษาจากต่างประเทศจะช่วยให้เข้าใจรายละเอียดของสถาบันนั้นๆ มากขึ้นด้วย

เมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตครบถ้วนและตัดสินใจเลือกแล้ว ทางที่ปรึกษาจะเป็นผู้ดำเนินการในการสมัครเรียนกับสถาบันนั้นๆ ให้รวมถึงให้คำแนะนำในการเตรียมเอกสารสมัครเรียน เอกสารการยื่นวีซ่า แนะนำประเภทที่พัก แจ้งเอกสารที่ต้องเตรียม ติดตามผลการสมัครเรียน ติดตามผลการตอบรับเข้าเรียน และการติดต่อต่างๆ เมื่อเดินทางไปถึง เพราะฉะนั้นน้องๆ ไม่ต้องกังวัลเลย เพราะพี่ๆ พร้อมแนะนำการเตรียมตัวก่อนบินให้อย่างละเอียด รวมถึงพร้อมให้ความช่วยเหลือเมื่อน้องๆ เดินทางไปเรียนแล้วด้วย

Once being #เด็กโกยูนิ, Always #เด็กโกยูนิ

พร้อมตอบทุกคำถามเกี่ยวกับการเรียนต่อต่างประเทศ ไม่มีค่าใช้จ่าย แนะนำฟรีและบริการฟรีทุกขั้นตอน! สอบถามข้อมูลได้ที่ช่องทาง Line: @Gounith หรือโทรศัพท์ที่เบอร์ 02-1634620

เรียนภาษาอังกฤษที่ต่างประเทศ อัพสกิลแบบติดจรวด เริ่มต้นยังไงดี?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทักษะด้านภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษนั้นกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นมากๆ ทั้งในด้านของการเรียนและการทำงาน ทำให้หลายๆ คนให้ความสำคัญไปไม่น้อยกว่าทักษะด้านอื่นๆ เลย

ก่อนที่จะไปดูกันว่ารายละเอียดของการไปเรียนภาษา เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าการเริ่มต้นก่อนที่จะไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ น้องๆ สามารถเริ่มต้นได้ยังไงบ้าง และพี่ๆ GoUni เองมีการช่วยเหลือน้องๆ ระหว่างกระบวนการสมัครเรียนอย่างไร

อยากไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง? ดูได้จากตารางนี้เลย

TimelineStudentsGoUni
4-6 เดือน
ก่อนเดินทาง
• ติดต่อพี่ๆ GoUni
• เลือกโรงเรียนและเมืองตามความสนใจของเรา แจ้งสมัครเรียนกับพี่ๆ GoUni
• ให้คำปรึกษาคอร์สเรียน โรงเรียน ราคา และเอกสารทำวีซ่า ฟรี! 
• ติดต่อสถาบัน ขอเอกสารตอบรับให้น้องๆ
3 เดือน
ก่อนเดินทาง
• เตรียมเอกสารทำวีซ่าและส่งให้พี่ๆ GoUni ตามกำหนด
• ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทางโรงเรียน และค่าวีซ่าให้กับทางสถานฑูต
• ตรวจสอบเอกสาร ให้คำแนะนำ และช่วยดำเนินการยื่นวีซ่า
• ช่วยนัดคิวยื่นวีซ่า และติดตามผล
1 เดือน
ก่อนเดินทาง
• เมื่อได้รับวีซ่าแล้ว ทำการจองตั๋วเครื่องบิน ซื้อประกันการเดินทาง
• เข้าร่วมปฐมนิเทศ
• ช่วยประสานงานติดต่อจองตั๋วเครื่องบิน ซื้อประกันการเดินทาง
• จัดปฐมนิเทศ ให้คำแนะนำก่อนการเดินทาง 
• ช่วยประสานงานตลอดการเดินทาง
คำแนะนำ: ขั้นตอนทั้งหมดควรดำเนินการให้เรียบร้อยก่อนการเดินทางอย่างน้อย 1 เดือน

บอกเลยว่าไม่ยากแม้แต่นิดเดียว แค่เข้ามาคุยกับ GoUni ก็ครบจบในที่เดียว! พี่ๆ ที่ปรึกษา GoUni พร้อมที่จะตอบทุกคำถามที่น้องๆ และผู้ปกครองสงสัย พร้อมอำนวยความสะดวกทุกขั้นตอนเพื่อให้ประสบการณ์ในการไปเรียนต่อต่างประเทศของทุกคนสะดวกสบายที่สุด

เราลองมาดูตัวอย่างคำถามที่น้องๆ หลายคนสอบถามเข้ามากันดีกว่า

📌 ไปเรียนภาษากับ GoUni มีแค่ประเทศอังกฤษประเทศเดียวหรือเปล่า?

ไม่จริงเลย! GoUni มีประเทศให้น้องๆ เลือกเยอะมาก! นอกจากอังกฤษแล้วก็มีประเทศอื่นๆ ให้เลือกถึง 18 ประเทศด้วยกัน 

ยกตัวอย่างประเทศที่น้องๆ สามารถเลือกไปเรียนได้ ได้แก่ IRELAND, USA, CANADA, MALTA, AUSTRALIA, NEW ZEALAND, SOUTH AFRICA, UAE, CHINA, KOREA, FRANCE, GERMANY, SWITZERLAND, ITALY, SPAIN, CUBA, MOROCCO

ทั้งนี้แต่ละประเทศจะมีคอร์สเรียนและข้อกำหนดที่แตกต่างกัน น้องๆ สามารถสอบถามข้อมูลกับพี่ๆ GoUni โดยโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 02-1634620 หรือแอดไลน์ @gounith และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย ตอบทุกข้อสงสัย ฟรี! ปรึกษา ฟรี!

📌นอกจากคอร์สภาษาแล้ว มีคอร์สระยะสั้นด้านอื่นๆ อีกไหม ?

มีแน่นอน! นอกจากการเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาสกิลภาษาของน้องๆ แล้ว น้องๆ ยังสามารถไปเรียนคอร์สระยะสั้นเพื่อเพิ่มทักษะเฉพาะทางต่างๆ ควบคู่ไปกับการเรียนภาษาอังกฤษได้ด้วย เช่น

  • Art & Design
  • คอร์สด้านธุรกิจ Business / Marketing / Management
  • คอร์สสายอาชีพอื่นๆ เช่น Medical, Law, Tourism

📌 เราสามารถไปเรียนภาษาได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่? ถ้าอายุ 30 ปีขึ้นไป ยังสามารถไปเรียนได้มั้ย?

น้องๆ สามารถไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศได้ตั้งแต่ อายุ 11 ปี ขึ้นไป โดย อายุ 11-15 ปีจะเป็น Junior Course น้องๆ จะได้เข้าเรียนกับเพื่อนๆ จากทั่วโลก โดยมีคุณครูและเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนเป็นผู้จัดกิจกรรมต่างๆ และดูแลน้องๆ อย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาที่สมัครเรียน

สำหรับน้องๆ อายุ 16 ปีขึ้นไป จะเป็น Adult Course น้องๆ สามารถเลือกเรียนได้ทั้ง General English หรือ Intensive English หรือหากมีคอร์สอื่นๆ ที่น้องๆ สนใจก็สามารถสอบถามพี่ๆ GoUni ให้ช่วยหาข้อมูลคอร์สเพิ่มเติมให้ได้ตลอดเลยค่ะ

ทั้งนี้โดยปกติแล้วน้องๆ จะเรียนตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ ซึ่งตารางเรียนจะขึ้นอยู่กับรูปแบบการจัดตารางของแต่ละโรงเรียน (*ยกเว้นคอร์สเฉพาะทางบางคอร์สอาจเรียนในวันเสาร์)

กรณีที่น้องๆ เรียน General English / Intensive English คอร์สเรียนจะเปิดตลอดทั้งปี เราสามารถเริ่มเรียนได้ทุกๆ วันจันทร์ของแต่เดือน และสามารถเรียนได้ตั้งแต่ 3-4 สัปดาห์ขึ้นไป สูงสุด 1 ปี (สำหรับที่อังกฤษสามารถเรียนได้สูงสุด 11 เดือน)

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การเรียนภาษาที่ต่างประเทศ ไม่มีจำกัดอายุสูงสุด! เพราะฉะนั้นสำหรับผู้เรียนที่อายุ 30+ หรือ 40+ ปี ก็ยังสามารถไปเรียนได้ โดยสามารถเลือกได้ว่าอยากเรียนคอร์สภาษาทั่วไปที่จะมีเพื่อนๆ จากหลากหลายช่วงอายุ หรือจะเลือกเรียนคอร์ส 30+ ซึ่งเป็นคอร์สที่จำกัดเฉพาะผู้เรียนอายุ 30 ปีขึ้นไปก็สามารถทำได้เช่นกัน สามารถสอบถามรายละเอียดกับที่ปรึกษา GoUni ได้ตลอดเลยที่ Line: @gounith

เตรียมตัวเรียนต่อระดับมัธยมที่ต่างประเทศ

สำหรับการเตรียมตัวเรียนต่อในระดับมัธยมก็จะมีความแตกต่างกันไปจากการเรียนระดับอื่นๆ โดยเบื้องต้นน้องๆ ควรแจ้งอายุของผู้เรียนให้ทางที่ปรึกษา GoUni ทราบก่อน เพื่อช่วยแนะนำว่าน้องควรจะเข้าเรียนในระดับชั้นไหน

  • ระดับ GCSE อายุ 14-15 ปี
  • ระดับ A-Level อายุ 16 ปีขึ้นไป

โดยปกติเวลาที่น้องๆ เข้ามาปรึกษากับทาง GoUni ก็จะมีการพาผู้ปกครองมาเพื่อพูดคุยและปรึกษาตัวเลือกต่างๆ ไปพร้อมๆ กับทีมที่ปรึกษา GoUni ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเป็นระดับ A-Level ทางที่ปรึกษาก็จะสามารถคุยกับน้องได้โดยตรงและร่วมกันตัดสินใจกับทางผู้ปกครองถึงตัวเลือกโรงเรียนที่ต้องการ

แต่ในกรณีที่เป็นระดับ GCSE ทางที่ปรึกษา GoUni จะต้องมีการสอบถามความต้องการ รวมถึงให้รายละเอียดกับทางผู้ปกครองโดยตรงด้วย เพื่อแนะนำตัวเลือกโรงเรียนต่างๆ ตามเงื่อนไขและความต้องการของผู้ปกครอง เช่น 

  • ต้องการให้น้องๆ ไปเรียนเมืองเล็กหรือเมืองใหญ่ 
  • ต้องการให้เรียนโรงเรียนประเภท Traditional หรือ International (หรือหากยังไม่แน่ใจในข้อมูลส่วนนี้ ทางที่ปรึกษา GoUni จะเป็นผู้แนะนำและให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้)
  • ต้องการไปเรียนระดับ Top Boarding มั้ย
  • เป้าหมายการเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยของน้องๆ และผู้ปกครอง เช่น สาขาวิชาที่สนใจ และชื่อเสียง / Ranking ของมหาวิทยาลัย เป็นต้น
  • งบประมาณที่ตั้งไว้อยู่ที่เท่าไหร่ (ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อมัธยมที่ประเทศอังกฤษจะอยู่ที่ประมาณ 1.8-2.8 ล้านบาทต่อปี หรือกรณีที่เป็นโรงเรียนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะเริ่มต้นที่ประมาณ 4 ล้านบาทต่อปี)
  • ต้องการเรียนที่ประเทศอังกฤษ หรือประเทศอื่น เช่น สวิตเซอร์แลนด์

เมื่อพูดคุยถึงความต้องการและตัวเลือกโรงเรียนต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ทาง GoUni จะทำการสรุปให้ว่ามีที่ไหนให้ทางน้องๆ และผู้ปกครองเลือกบ้าง และทำการสมัครเรียนให้ในลำดับถัดไป

Agency เรียนต่อต่างประเทศ

การสมัครเรียนระดับมัธยมสามารถสมัครได้ถึง 4 ที่ เราสามารถสมัครเรียนครบทั้ง 4 เลยได้หรือไม่?

สามารถทำได้ ถ้าไม่เหนื่อยในการสอบ เพราะในการสมัครเข้าเรียนในระดับ GCSE และ A – Level น้องๆ ทุกคนจะผ่านขั้นตอนการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าเรียน โดยในระดับ GCSE จะต้องมีการสอบวัดผลในวิชาภาษาอังกฤษ หรือบางทีอาจจะต้องมีการสอบในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ควบคู่ไปด้วย ส่วนในระดับ A- Level ก็เช่นเดียวกัน นอกจากข้อสอบภาษาอังกฤษที่จะต้องสอบแล้ว น้องๆ จำเป็นที่จะต้องสอบในวิชาที่เกี่ยวข้องกับตัววิชาที่เลือกเรียนตอน A – Level แต่ทั้งนี้แล้วถ้าน้องๆ มีผลคะแนน IELTS ที่ถึงเกณฑ์ของโรงเรียนอยู่แล้ว ก็จะได้รับการยกเว้นในการสอบวัดผลในวิชาภาษาอังกฤษ

หลังจากผ่านขั้นตอนการสอบแล้ว กรณีที่สอบวัดผลผ่าน ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการสัมภาษณ์ โดยทางโรงเรียนจะขอนัดสัมภาษณ์ทางออนไลน์ เพื่อทำความรู้จักกับนักเรียน เช่น อยากเรียนอะไรในอนาคต อยากทำงานอะไร

จุดประสงค์หลักในการสัมภาษณ์ของคุณครูคือ การรู้เป้าหมายการเรียนของน้องๆ เพราะโรงเรียนมัธยมที่อังกฤษจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก ทางโรงเรียนจะมีการดูแลอย่างใกล้ชิดและสามารถรับมือได้กับนักเรียนทุกคน นอกจากนี้ยังมีขนาดห้องเรียนที่กำลังดี ถ้าเทียบกับไทย 40-50 คน ของเค้าจะเป็น small group ซึ่งจำนวนจะอยู่ที่ประมาณ 10-20 คนต่อห้อง (หรือบางโรงเรียนอาจจะมีน้อยกว่า 10 คนด้วยซ้ำ) ทาง Principle จึงต้องการรู้ว่าเด็กแต่ละคนต้องการอะไร เพื่อที่จะแนะแนวต่อให้ได้ว่าถ้าผ่านระดับชั้น GCSE ไปแล้ว ในระดับ A-Level น้องๆ ต้องเรียนวิชาอะไรบ้าง

ขั้นตอนการสมัครเรียนต่อต่างประเทศระดับมัธยม

  • พูดคุยและปรึกษากับที่ปรึกษา GoUni เพื่อดูตัวเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมกับน้องๆ
  • ทาง GoUni ดำเนินการสมัครเรียนให้ตามที่น้องและผู้ปกครองต้องการ
  • ทางโรงเรียนตอบรับผลการสมัคร จากนั้นดำเนินการสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ 
  • ทางโรงเรียนแจ้งตอบรับเข้าเรียนให้ทางผู้ปกครองและ GoUni ทราบ 
  • ดำเนินการจ่ายค่ามัดจำกับทางโรงเรียน (เงื่อนไขขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน) 
  • ทางโรงเรียนออก CAS ให้ จากนั้นใช้ CAS Number ในการยื่นขอวีซ่า
  • ทางที่ปรึกษา GoUni จัดปฐมนิเทศเตรียมตัวก่อนบินไปเรียนให้กับน้องๆ 

หลังจากที่ทางโรงเรียนแจ้งผลตอบรับเข้าเรียนกลับมา ทางโรงเรียนจะส่งใบแจ้งหนี้จากทางโรงเรียนมาให้ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนของ boarding ด้วยว่าเท่าไหร่ และสามารถแบ่งเป็นกี่งวดได้บ้างแล้วแต่แต่ละโรงเรียนกำหนด 

การทำวีซ่าจะมีรายละเอียดแตกต่างจากน้องๆ กลุ่มปริญญา เพราะรายละเอียดผู้ปกครองเยอะขึ้น ต้องมี เอกสาร Consent Letter จากผู้ปกครองแนบไปด้วย รวมถึง Birth Certificate และ Sponsor Letter เรียกว่าต้องใช้เอกสารค่อนข้างเยอะกว่าการเรียนระดับอื่นๆ หรือบางโรงเรียนอาจจะขอข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ UK Guardian ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ปกครองโดยชอบธรรมให้เป็นผู้ดูแลบุตรหลานของตนในขณะที่เรียนต่อ Boarding School ที่อังกฤษ ทั้งนี้ในส่วนของการเตรียมตัวขั้นตอนต่างๆ ทางที่ปรึกษา GoUni จะเป็นผู้แนะนำและให้ข้อมูลกับทางผู้ปกครองในการจัดเตรียมเอกสารต่อไป

เตรียมตัวเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศ ต้องเริ่มยังไง?

เมื่อน้องๆ มีความสนใจหรือต้องการเรียนต่อต่างประเทศในระดับปริญญาตรี สิ่งที่แนะนำเป็นอันดับแรกคือยิ่งรู้ตัวเร็วยิ่งดี และการปรึกษากับ GoUni ให้เร็วที่สุดก็จะยิ่งเพิ่มเวลาในการเตรียมตัวให้กับน้องๆ มากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งแน่นอนว่าทุกการแนะแนวและให้คำปรึกษาจะไม่มีค่าใช้จ่ายเลย

เรียนต่อต่างประเทศ ป.ตรี

ก่อนที่จะเริ่มปรึกษาเรื่องคอร์สและมหาวิทยาลัย น้องๆ ลองมาดูเช็คลิสต์เหล่านี้ก่อนว่าเราอยู่ในกลุ่มที่ต้องเรียนคอร์สปรับพื้นฐานหรือไม่

เรียนจบระดับมัธยมจากระบบโรงเรียนไทย(คอร์สปรับพื้นฐาน)เรียนจบระดับมัธยมจากระบบโรงเรียนนานาชาติ
1. International Foundation (6-9 เดือน)ต้องจบ ม.5 หรือ ม.6 อายุ 17 ปีขึ้นไปหลักสูตรเตรียมความพร้อมก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เป็นหลักสูตร 9 เดือน พอเรียนจบก็เข้ามหาวิทยาลัยปี 1 ได้เลยกรณีที่น้องๆ เรียนจบจากโรงเรียนนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรประเทศอังกฤษ หรือ อเมริกา สามารถใช้ผลคะแนน A – level, IB, AP, SAT เข้าเรียน Year 1 ได้เลย
2. International Year One หรือ Diploma
จบ ม.6 หรือ ปี 1 อายุ 18 ปีขึ้นไป
หลักสูตรเตรียมความพร้อมก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เป็นหลักสูตร 1 ปี พอเรียนจบสามารถเข้าเรียนในชั้นปี 2 ได้เลย แต่จะเปิดสอนแค่คณะด้านบริหารธุรกิจ และวิศวกรรม มหาวิทยาลัยส่วนมากไม่สอน diploma มีแค่บางแห่งเท่านั้นที่สอน
3. A-Level (เรียน 2 ปี)
จบ ม.5 อายุ 16 ปีขึ้นไป
หลักสูตรตามแบบฉบับของนักเรียนอังกฤษ นักเรียนเลือกเรียนเพียง 3-4 วิชาเท่านั้น สามารถนำคะแนนไปยื่นคณะและมหาวิทยาลัยได้ทุกแห่งในอังกฤษ ใครที่อยากเรียนแพทย์แนะนำให้เลือกหลักสูตรนี้

เนื่องจากว่าระบบการศึกษาของอังกฤษกับไทยแตกต่างกัน อังกฤษจะเรียนในระดับมัธยม 7 ปี แล้วต่อด้วยมหาวิทยาลัย 3 ปี แต่ไทยเรียนในระดับมัธยม 6 ปี แล้วต่อด้วยมหาวิทยาลัย 4 ปี น้องๆ จึงต้องไปเรียนปรับพื้นฐานที่ UK กันก่อน 1 ปี แล้วจึงจะสามารถเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ UK ได้ค่ะ

ซึ่งที่อังกฤษเรียนปริญญาตรี 3 ปี ฉะนั้นเราจะเรียนทั้งหมด 4 ปี (คอร์สปรับพื้นฐาน 1 ปี + ปริญญาอีก 3 ปี)

จากตารางด้านบน เราต้องเช็คก่อนว่าน้องๆ กำลังศึกษาอยู่หรือเรียนจบจากระบบโรงเรียนไทยหรือโรงเรียนอินเตอร์ กรณีที่น้องๆ เรียนจบจากระบบโรงเรียนไทย น้องจะต้องเรียนคอร์สปรับพื้นฐานหรือที่เรียกว่า Pathway ซึ่งเอกสารที่ต้องใช้คือ

  • Transcript
  • Passport 
  • Statement of Purpose (หลายๆ ที่ไม่ต้องใช้)
  • ผลวัดระดับภาษา IELTS UKVI

ขั้นตอนการสมัครเรียนต่อต่างประเทศระดับปริญญาตรี

การสมัครเรียนคอร์สปรับพื้นฐานหรือ Pathway ขั้นตอนจะไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังรู้ผลไว ดังนั้นเมื่อน้องๆ ได้รับการตอบรับเข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว ก็จะต้องมาดูว่ามี condition หรือเงื่อนไขอะไรที่ต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น ผลคะแนนภาษา เป็นต้น

ในส่วนของที่พัก ในช่วงปีแรกส่วนมากจะใช้หอพักที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหาให้ก่อน จากนั้นหากน้องๆ ต้องการจะขยับขยายไปหอนอกก็สามารถทำได้ แล้วแต่ความต้องการและความสะดวกของแต่ละคนเลย ทั้งนี้โดยมากแล้ว Accommodation ในการเรียน Pathway จะไม่ได้มีตัวเลือกเยอะนัก ยิ่งสมัครเร็ว ได้ผลตอบรับเข้าเรียนเร็ว ก็จะยิ่งมีโอกาสในการเลือกที่พักได้มากขึ้น

ส่วนน้องๆ ที่เรียนจบหลักสูตรอินเตอร์และมีผลคะแนนสอบ A level, IB, AP, SAT จะต้องสมัครเรียนปริญญาตรีผ่านระบบ admission กลางของ UK ที่เรียกว่า “UCAS” โดยน้องๆ จะต้องเลือกสาขาวิชาที่มหาลัยนั้นๆ เปิดสอนที่อยากเรียนมา 5 สาขาวิชา และสามารถเลือกสาขาวิชาที่ต่างกันแต่ในมหาลัยเดียวกันได้ ซึ่งเดดไลน์ในการยื่นใบสมัครผ่านระบบ UCAS คือช่วงปลายเดือนมกราคมในปีเดียวกับที่เราจะเข้าเรียนปี 1 ยกตัวอย่างเช่น เราจะเข้าเรียนป.ตรี เดือนกันยายน 2024 จะต้องยื่นใบสมัครภายใน มกราคม 2024 เป็นต้น

มหาลัยที่ Ranking สูงหรือมหาลัยที่มีนักเรียนให้ความสนใจเยอะ จะไม่รับพิจารณาใบสมัครหลังเดดไลน์ในเดือนมกราคม แต่ก็จะมีหลายๆ มหาลัยที่ยังคงเปิดรับพิจารณาใบสมัครหลังเดดไลน์อยู่ ดังนั้นถ้ายื่นใบสมัคร UCAS ไม่ทันช่วงมกราคม ก็ยังสามารถยื่นใบสมัครได้เรื่อยๆ จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน แต่ถ้าเลยหลังจากนี้ไปแล้วจะต้องเข้ารอบการสมัคร UCAS รอบ Clearing

โดยปกติแล้วน้องที่เรียนโรงเรียนหลักสูตรนานาชาติระบบอังกฤษ จะมีคุณครูแนะแนวที่ปรึกษาเรื่องการเรียนต่อต่างประเทศอยู่แล้ว แต่หากน้องๆ อยากได้คำแนะนำเรื่องมหาลัย หรือหอพักมหาลัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อมาหาพี่ Gouni ได้ หรือหากที่โรงเรียนไม่ได้มีคุณครูแนะแนวทางด้านนี้ สามารถให้พี่ Gouni ช่วยยื่นใบสมัครเข้ามหาลัยได้เหมือนกัน ในกรณีที่น้องๆ กังวลว่าผลการเรียนอาจจะไม่ถึงตามที่มหาลัยขอ ทางพี่ๆ Gouni สามารถแนะนำและสมัครมหาลัยสำรองเผื่อไว้ให้ได้เช่นเดียวกัน

การไปเรียนระดับปริญญาตรีต้องเตรียมเงินเท่าไหร่

การเตรียมตัวในเรื่องของค่าใช้จ่ายโดยประมาณจะอยู่ที่ 1.5 – 2 ล้านบาทต่อปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้ 

1. ค่าเทอม แต่ละสถาบันและแต่ละหลักสูตรค่าเทอมไม่เท่ากัน

2. ค่าครองชีพ เมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวจะแพงกว่าเมืองเล็กราวๆ 30-40%

เตรียมตัวเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ

การเรียนต่อระดับปริญญาโทในต่างประเทศโดยทั่วไปจะต้องใช้ระยะเวลาถึง 2 ปีตั้งแต่เริ่มเรียนจนกระทั่งจบการศึกษา แต่สำหรับประเทศอังกฤษจะใช้เวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น ทำให้การเรียนปริญญาโทที่อังกฤษเป็นตัวเลือกยอดนิยมของน้องๆ ประเทศไทย เพราะนอกจากจะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเรียนระยะสั้นกว่าประเทศอื่นๆ แล้ว ยังเป็นโอกาสสำคัญในชีวิตในการเข้าเรียนกับหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมหาวิทยาลัยที่มีมาตรฐานการศึกษาระดับโลกด้วย

เรียนต่อป.โท ประเทศอังกฤษ พิจารณาจากอะไรบ้าง?

พี่ๆ GoUni แนะนำให้น้องๆ ดูสาขาที่สนใจไว้ก่อนว่าสนใจเรียนไปทางด้านไหน จากนั้นๆ พี่ๆ ที่ปรึกษาจะช่วยเช็ค Entry Requirement ของแต่ละมหาวิทยาลัยที่ตรงกับความต้องการของน้องๆ และนำเสนอให้พิจารณาต่อไป ทั้งนี้ปัจจัยที่ทางมหาวิทยาลัยจะพิจารณาเพื่อตอบรับเข้าเรียนจะมีอยู่หลายประเด็น คือ

  • GPA ตอนเรียนปริญญาตรี
  • คณะที่น้องจบปริญญาตรีมา ถ้าเป็นสาขาเฉพาะทาง ทางมหาวิทยาลัยจะพิจาณาจากตรงนี้ (แต่ถ้าเป็นด้าน Business ส่วนใหญ่แล้วจะไม่นำมาพิจารณา)
  • คะแนนวัดระดับภาษาอังกฤษ ที่ประเทศอังกฤษน้องๆ จะต้องสอบ IELTS UKVI เพื่อใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัย หรือหากน้องๆ จบจากมหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์ บางมหาวิทยาลัยสามารถใช้ผลการเรียนยื่นเพื่อเข้าเรียนได้เลยหรือที่เรียกว่าการ Waive IELTS (สอบถามรายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดรับ IELTS Waiver ได้กับพี่ๆ GoUni เลย) 
  • ประสบการณ์การทำงาน บางสาขาอาจต้องการประสบการณ์การทำงานด้วย เช่น MBA เป็นต้น

How to เรียนต่อป.โท ประเทศอังกฤษเริ่มยังไงดี ?

เมื่อน้องๆ ต้องการรับข้อมูลเรียนต่อระดับปริญญาโท สามารถติดต่อ GoUni เพื่อสอบถามข้อมูลได้ทุกช่องทางโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะด้วยช่องทาง social media หรือเดินทางมาพูดคุยกับทางที่ปรึกษาที่ออฟฟิศก็สามารถทำได้ การเข้ามาพูดคุยกันจะช่วยให้พี่ๆ ที่ปรึกษาทราบถึงความต้องการ รวมถึงแผนในอนาคตการทำงาน และแนะนำคอร์สเรียนและมหาวิทยาลัยที่ตอบโจทย์ของน้องๆ ได้

ขั้นตอนการปรึกษาและสมัครเรียน

  • ปรึกษากับ GoUni น้องๆ ได้พูดคุยกับทางที่ปรึกษา GoUni และแจ้งคอร์สเรียนที่ต้องการ
  • ประเมินวิเคราะห์ความต้องการของน้องๆ ทางที่ปรึกษา GoUni จะทำการประเมินวิเคราะห์ความต้องการของน้องๆ รวมถึงช่วยดูว่าโปรไฟล์น้องเป็นยังไงบ้าง ทาง GoUni จะรู้ข้อมูลจากทางมหาวิทยาลัยว่าเค้าต้องการนักเรียนประมาณไหน เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ ต้องใช้คะแนน IELTS เท่าไหร่ จากนั้นทางที่ปรึกษาจะทำการแนะนำน้องๆ ว่าน้องมีโอกาสได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยนั้นๆ มากน้อยแค่ไหนบ้าง 
  • แนะนำคอร์สและมหาวิทยาลัย จากนั้นเราก็จะพูดคุยกับน้องๆ ถึงเรื่องของมหาวิทยาลัย เป็นยังไง อยู่ที่เมืองไหน มีคอร์สลักษณะไหนบ้าง เปิดเว็บไซต์มหาวิทยาลัยให้ดูว่ามี Module อะไรที่ต้องเรียนบ้าง จุดประสงค์ในการเรียน ป.โท ในครั้งนี้คืออะไร เช่น เพิ่งเรียนจบแล้วอยากเรียนต่อ Advertising and Marketing พี่ๆ GoUni ก็จะแนะนำว่าสาขาแนวๆ นี้เชิง Marcom, Advertising มหาวิทยาลัยที่น่าจะมีสาขาที่ตรงกับความต้องการของน้องๆ จะมีที่ University of Leeds, University of Birmingham, University of Westminster เป็นต้น
  • คอร์สเรียนให้น้องๆ พิจารณา เมื่อจบขั้นตอนการพูดคุยและสโคปตัวเลือกมหาวิทยาลัยให้ ทางที่ปรึกษา GoUni จะส่งคอร์สเรียนให้น้องๆ พิจารณาอีกที นอกจากนี้ในวันที่คุยกันก็จะคุยเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น ชีวิตความเป็นอยู่เป็นยังไง เราจะต้องเตรียมตัวเรื่อง ที่พัก วีซ่า ยังไงบ้าง 
  • อธิบายเรื่องที่พัก หลักๆ ในเรื่องของที่พัก ทางที่ปรึกษา GoUni จะอธิบายเรื่องที่พักว่ามีกี่ประเภทให้เลือก มีตัวเลือกแบบไหนบ้าง หลักๆ จะบอกประเภทห้องคร่าวๆ ก่อน เช่น ห้อง Studio, En-suite, Shared bathroom จุดประสงค์คือเพื่อให้น้องๆ เห็นภาพว่าถ้าไปเรียนแล้วจะเจอแบบไหนบ้าง มีส่วนไหนที่ต้องแชร์กับคนอื่นบ้าง
  • แนะนำการเตรียมต่างๆ จากนั้นเป็นเรื่องเอกสาร ซึ่งพี่ๆ ที่ปรึกษา GoUni จะเป็นคนช่วยแนะนำการเตรียมและติดต่อภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้ได้เอกสารมาสมัครเรียน มีการพูดคุยกันเรื่อง timeline 
  • วาง Timeline ให้น้องๆ แนะนำน้องๆ ว่าในแต่ละเดือนช่วงของการเตรียมตัวสมัครเรียน ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ถ้าน้องๆ มีเอกสารบางส่วนแล้วก็สามารถทยอยส่งเอกสารให้พี่ๆ GoUni ได้เลย เดี๋ยวพี่ๆ GoUni จะช่วยตรวจ SOP และ CV ให้ 
  • สมัครเรียนให้ทุกสถาบันที่น้องๆ ต้องการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เมื่อจบขั้นตอนการตรวจเอกสารต่างๆ ทางพี่ๆ GoUni จะทำการสมัครเรียนให้ทุกสถาบันที่น้องๆ ต้องการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยในระหว่างนั้นถ้าทาง GoUni มีจัดงานอีเวนท์ที่น่าสนใจ พี่ๆ ก็จะแจ้งน้องๆ ให้มางาน หรือบางครั้งอาจจะมี In-House Event ที่มีมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศมาที่ออฟฟิศ GoUni และเป็นมหาวิทยาลัยที่น้องสนใจ ก็จะเชิญน้องๆ มาลองฟังข้อมูลหรือพูดคุยกับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยโดยตรง นอกจากนี้ก็มีงาน Application Day ที่เป็นงานสมัครเรียนต่อปริญญาโทโดยเฉพาะ น้องๆ สามารถมาพบกับตัวแทนมหาวิทยาลัยและสมัครเรียนในงานได้เลย (บางมหาวิทยาลัยจะมีทุนการศึกษาโดยเฉพาะในงานมาด้วย พี่ๆ จึงมักแนะนำให้น้องๆ มาร่วมงานนี้หากสะดวกร่วมงาน)
เรียนต่อต่างประเทศ

เอกสารที่ต้องใช้เพื่อสมัครเรียน

  • Transcript ใบแสดงผลการเรียนจากทางมหาวิทยาลัย หากยังไม่สำเร็จการศึกษาสามารถใช้ใบคะแนนที่มีล่าสุดเพื่อยื่นสมัครเรียนก่อนได้
  • Degree Certificate ใบรับรองการศึกษา (กรณีที่ยังเรียนไม่จบสามารถส่งเอกสารให้ตามหลังได้)
  • Letter of Recommendation จดหมายรับรองจากอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ศึกษาอยู่ 2 ฉบับ
  • ผลคะแนนวัดระกับภาษาอังกฤษ IELTS หากต้องการศึกษาต่อที่อังกฤษต้องสอบ IELTS UKVI คะแนนขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เลือกเรียน
  • SOP หรือ Statement of Purpose การเขียนแนะนำตัวเอง และเหตุผลที่สนใจเลือกเรียนสาขาวิชานี้ที่มหาวิทยาลัยนี้
  • CV ประวัติของตัวเอง ประสบการณ์การทำงานต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการเรียนต่อ
  • Passport เนื่องจากต้องเดินทางไปเรียนที่ต่างประเทศดังนั้นพาสปอร์ตจึงถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการสมัครเรียน

ระยะเวลาที่แต่ละมหาวิทยาลัยตอบรับเข้าเรียน

เมื่อจบขั้นตอนการสมัครเรียน จากนั้นก็รอผลตอบรับเข้าเรียน บางกรณีอาจะได้รับภายใน 1-2 วัน หรือบางมหาวิทยาลัยอาจใช้เวลาถึง 3-4 เดือน ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับคอร์สและมหาวิทยาลัยที่น้องเลือกว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการช้าหรือเร็วแค่ไหน แต่โดยเฉลี่ยแล้วตามที่มหาวิทยาลัยแจ้งไว้จะอยู่ที่ประมาณ 4-6 สัปดาห์ว่าจะตอบรับเข้าเรียนหรือไม่ หรือรับเข้าเรียนแต่ภายใต้เงื่อนไขอะไร

ผลคะแนนภาษา IELTS UKVI

ในระหว่างที่รอผลตอบรับเข้าเรียน ถ้าน้องๆ ยังไม่สอบ IELTS ทาง GoUni ก็จะวางแผน Timeline ให้น้องไปสอบ เราจะอธิบายว่าหากสอบ IELTS ช้า จะมีผลยังไง ซึ่งผลลัพธ์ของมันอาจจะทำให้เราไปเรียน Pre-sessional ไม่ทัน (ในกรณีที่คะแนนเราไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด) โดยมากพี่ๆ GoUni จะบอกให้น้องๆ ไปสอบไม่เกินช่วงสงกรานต์ อย่างน้อยจะต้องไปสอบหนึ่งครั้งเพื่อจะได้รู้ว่าเราอยู่ระดับประมาณไหน 

บางมหาวิทยาลัยอาจจะขอ IELTS ตั้งแต่ต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นมหาวิทยาลัยท็อปๆ ที่ต้องมีเอกสารพร้อมก่อนถึงจะพิจารณา แต่ของอังกฤษส่วนมากคือถ้าไม่มี IELTS ก็สามารถสมัครเรียนก่อนได้ แล้วค่อยรอผลว่าทางมหาวิทยาลัยจะตอบรับหรือไม่ (ผลการตอบรับจะออกมาในรูปแบบของ Conditional Offer)

เหตุผลในการที่เรายื่นอย่างอื่นได้ก่อนโดยที่ไม่มี IELTS คือเรื่องของการพิจารณาจะดูที่ GPA ล้วนๆ เพราะภาษาสามารถพัฒนาได้ ติวได้ แค่รู้ทริคการสอบ แต่เกรดเฉลี่ยไม่สามารถเปลี่ยนได้ เป็นผลการเรียนที่น้องๆ เรียนมาตลอด 4 ปี หลังจากนั้นพอได้ IELTS เราจะรู้แล้วว่าเราจะไปเรียนที่ไหนได้บ้าง มากางมหาวิทยาลัยคุยกัน ต้องเรียน Pre-Sessional มั้ย เรียนกี่สัปดาห์ ค่าเรียนเป็นยังไง 

หรือกรณีถ้าคะแนนภาษาผ่านแล้ว น้องๆ สามารถเตรียมตัวเรียนระดับปริญญาโทเลย (Unconditional Offer) ก็จะคุยกันเรื่อง Accommodation จะคุยกันเรื่องที่ว่าเลือกอันไหนดีที่เหมาะกับน้อง หลักๆ คือให้น้องตัดสินใจว่าจะไปเรียนที่ไหน วางมัดจำเลยมั้ย ยิ่งเราเลือกที่เรียนได้เร็ว ชำระค่ามัดจำเร็ว เราก็จะมีสิทธิ์เลือกหอพักได้ก่อน (มหาวิทยาลัยจะใช้ระบบ First come, first serve) 

จริงๆ แต่ละมหาวิทยาลัยจะมีกำหนด Deadline ในการสมัครหอพัก ส่วนน้องๆ ที่ต้องไปเรียน Pre-sessional ก่อน นอกจากต้องเช็คเรื่องสัปดาห์ที่ต้องเรียน ก็จะมีเรื่องหอพักเหมือนกัน เพราะตอนเรียน Pre-sessional จะเป็นช่วงซัมเมอร์ ดังนั้นพอมาจบคอร์สแล้วต้องเปลี่ยนมาเรียนคอร์สปริญญาโทโทก็จะต้องย้ายที่พักด้วย 

(Condition Offer – การได้รับการตอบรับเข้าเรียนแบบติดเงื่อนไข ซึ่งส่วนใหญ่เงื่อนไขนั้นจะเป็นคะแนนภาษา สมมติต้องได้ IELTS 6.5 แต่ถ้าคะแนนน้องๆ ไม่ถึง มหาวิทยาลัยก็จะมีคอร์สเรียนที่เรียกว่า Pre-Sessional Course ในกรณีที่จะไม่เรียน น้องๆ จะต้องไปสอบใหม่จนกว่าจะได้คะแนน 6.5 หรืออาจจะเป็นเงื่อนไขอื่น เช่น ต้องจ่าย Deposit, ยังไม่ได้ยื่น Reccommendation Letter จากนั้นทางมหาวิทยาลัยก็จะเปลี่ยนเป็น Unconditional Offer ให้ และรอ CAS ในลำดับถัดไป)

ดำเนินการจองที่พักให้น้องๆ และเอกสารวีซ่า

เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ พี่ๆ จะเริ่มแนะนำตัวเลือกที่พักต่างๆ ของมหาวิทยาลัยนั้นๆ รวมถึงการเตรียมเอกสารวีซ่า ทาง GoUni จะเป็นผู้ติดตามเอกสารขอวีซ่าให้กับน้องๆ ซึ่งที่อังกฤษจะเรียกว่า CAS Number ซึ่งจะส่งให้ทางอีเมล เราสามารถใช้อีเมลนั้นไปกรอกเอกสารวีซ่าได้เลย อีเมลนี้จะส่งหา GoUni หรือบางกรณีก็ส่งหาน้องๆ โดยตรง ถ้าน้องๆ ได้รับอีเมลก็สามารถแจ้งกับทาง GoUni ได้ จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการดำเนินการกรอกเอกสารวีซ่าต่อไป 

ทาง GoUni เองจะช่วยเหลือในเรื่องการตรวจเอกสารวีซ่า และแนะนำการกรอกวีซ่าให้กับน้องๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในกรณีที่น้องๆ เลือกใช้บริการ Premium Package (ราคาแพ็กเกจ 15,000 บาท) ทางพี่ๆ ที่ปรึกษา GoUni จะดำเนินการกรอกเอกสารวีซ่าให้ด้วย แต่ถ้าเป็น Standard Package น้องๆ จะต้องเป็นผู้กรอกเอกสารด้วยตัวเอง แต่ทาง GoUni ก็จะช่วยตรวจสอบความถูกต้องให้ รวมถึงนัดวันยื่นขอวีซ่าให้ เรียกว่าดูแลน้องๆ ทุกคนตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนจบขั้นตอนกระบวนการเอกสารเลย

เตรียมตัวให้น้องๆ ก่อนบินกับงาน GoUni Pre-Departure Day

เตรียมตัวเรียนต่อต่างประเทศ_pre-departure

หลังจากจบขั้นตอนเอกสารแล้ว สุดท้ายจะเป็นในส่วนของงาน Pre-Departure Day ซึ่งจะเป็นงานที่พี่ๆ GoUni จัดขึ้นเพื่อให้ข้อมูลเตรียมตัวสำหรับการไปเรียนต่อของน้องๆ ตั้งแต่เรื่องของสภาพอากาศ การเตรียมสิ่งของสัมภาระต่างๆ เอกสารในการติดต่อกับมหาวิทยาลัยและหอพัก รวมไปถึงประสบการณ์จากรุ่นพี่ #เด็กโกยูนิ ที่มาบอกต่อประสบการณ์ทั้งการเรียนและการทำงานระหว่างช่วงที่เรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษแบบใกล้ชิดและเป็นกันเอง ทั้งนี้เพื่อให้น้องๆ ทุกคนสามารถเตรียมตัวให้ดีที่สุดก่อนเดินทางและสนุกไปกับประสบการณ์การเรียนต่อต่างประเทศที่ดีที่สุดนั่นเอง

– Create Your Own Experience with GoUni –

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top